เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๗ มิ.ย. ๒๕๖o

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๐
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะ วันนี้วันพระเนาะวันนี้วันพระวันพระ เราชาวพุทธ เราระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เวลาวันพระ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมก่อนเพราะมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงมีพระธรรมเพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้ตรัสรู้ธรรมตรัสรู้ธรรมเองโดยชอบเวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศน์ธัมมจักฯ พระอัญญาโกณฑัญญะเป็นสงฆ์องค์แรกของโลก

เราชาวพุทธ เราถือพระรัตนตรัยพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระพุทธพระธรรมพระสงฆ์เวลาหลวงตาท่านประพฤติปฏิบัติของท่าน พุทธธรรม สงฆ์รวมลงอยู่ที่ใจ พุทธธรรม สงฆ์รวมเป็นหนึ่งเดียว เป็นหนึ่งเดียวในหัวใจของเราไง 

วันนี้วันพระๆ พระเป็นผู้ที่ประเสริฐหัวใจที่ประเสริฐประเสริฐที่ตรงนั้นไง สิ่งที่จะสัมผัสศาสนาได้สัมผัสศาสนาได้คือสัจธรรมเท่านั้น คือหัวใจเท่านั้นหัวใจเท่านั้นเป็นผู้ที่สัมผัสสัจธรรม สิ่งที่สภาพแวดล้อม สิ่งที่ความเป็นอยู่ของเราสิ่งที่ประกอบเป็นพระพุทธศาสนาศาสนพิธีศาสนวัตถุศาสนบุคคลนี่ศาสนธรรมๆ ศาสนธรรมคือคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 

ถ้าวันนี้วันพระๆวันพระเป็นผู้ประเสริฐในหัวใจของเราถ้าหัวใจเราประเสริฐแล้วสิ่งที่มั่นคงในใจของเราเห็นไหม ถ้าสิ่งที่มั่นคงในใจของเรา สิ่งที่ธาตุรู้ ธาตุรู้ที่มันประเสริฐๆ แล้วมันจะเข้าใจเรื่องสัจธรรม

สิ่งที่ว่า เวลาธรรมะบอกว่าธรรมไม่เคยเสื่อมๆธรรมไม่เคยเสื่อมเพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรมอันนั้นๆ ไงแต่ธรรมอันนั้นเราเข้ากันไม่ถึงไง ถ้าเข้าไม่ถึง ดูสิเวลาสภาพแวดล้อมทั่วไป ถ้าสภาพแวดล้อมที่ดีสิ่งความเป็นอยู่ของมนุษย์จะอุดมสมบูรณ์ 

นี่ก็เหมือนกันเวลามีครูบาอาจารย์ของเรา มีพระที่ดีถ้าพระที่ดีๆดูสิ เวลาหลวงปู่เสาร์หลวงปู่มั่นท่านประพฤติปฏิบัติของท่าน ท่านไม่ไปติดในวัตถุหรอก เพราะเราไปติดในวัตถุ เราไปติดในปัจจัยเครื่องอาศัยเราไปติดสิ่งนั้น ต้องเทียมหน้าเทียมตาเวลาเทียมหน้าเทียมตามันเทียมกันโดยธรรมสิ

เวลาเทียมโดยธรรมนะ เวลาพระอรหันต์๑๒๕๐ องค์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เอหิภิกขุ บวชให้ทั้งนั้นนะ แล้วท่านเป็นผู้สั่งสอนมา เวลาเอตทัคคะ ความถนัดของคนมันไม่เหมือนกัน ถ้าความถนัดของคนไม่เหมือนกัน นั่นคือความถนัด แต่สัจจะความจริง ต้องใจนั้นตรัสรู้ธรรมขึ้นมาในใจ ถ้าตรัสรู้ธรรม ตรัสรู้ธรรมที่ไหน ตรัสรู้ธรรมด้วยอริยสัจ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค

มรรคเห็นไหมความดำริชอบ งานชอบ เพียรชอบ ความชอบธรรมๆหน้าที่ของพระ หน้าที่ของพระคือทางจงกรมนั่งสมาธิภาวนา นั่นเป็นหน้าที่ของพระ งานของพระหลวงตาท่านพูดว่า ถ้าพระไม่ทรงศีลทรงธรรมใครจะเป็นคนทรง สิ่งที่เป็นคุณธรรมในหัวใจเราทรงไว้ไม่ได้ถ้าเราทรงสิ่งที่มีคุณธรรมไม่ได้ สิ่งใดมันจะมีค่ากว่าคุณธรรมอันนี้ แล้วเราเป็นชาวพุทธที่เราแสวงหากันนี้ เราแสวงหาอะไรเราแสวงหาสัจจะความจริงในหัวใจเราใช่ไหม 

เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดา เป็นพระอรหันต์นั่นก็เป็นสมบัติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะเวลาท่านตรัสรู้ธรรมขึ้นมาก็เป็นสมบัติของท่าน หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น เวลาท่านตรัสรู้ธรรมขึ้นมาก็เป็นสมบัติของท่าน เรามีแต่ความทุกข์ความยากหัวใจของเรากิเลสมันบีบคั้นอยู่ แต่เรามีศรัทธามีความเชื่อ เรามีโอกาสนะเรามีศรัทธาความเชื่อในพระพุทธศาสนาพระพุทธศาสนาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สัจธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านไม่ให้เน้นไปเรื่องทางโลกๆไง

ดูสิเวลาฆราวาสมาบวชเป็นพระ มาบวชเป็นพระ เราต่างจากคฤหัสถ์แล้วความเป็นอยู่ของพระ เราต่างจากคฤหัสถ์ พระจะดำรงชีพแบบคฤหัสถ์ไม่ได้ พระต้องดำรงชีพแบบภิกษุเป็นสมณสารูป นั่นเป็นพระ

ถ้าพระที่ดีๆ พระที่ดีมันก็เป็นศาสนบุคคลศาสนธรรมๆธรรมะเป็นธรรมชาติๆธรรมะเป็นธรรมชาติธรรมะเป็นสาธารณะ ศีลสมาธิ ปัญญาเป็นสมบัติของเรา ถ้าเรามีศีลขึ้นมา เรามีศีลศีลคือความปกติของใจถ้าเรามีศีลเสียอย่างเดียวเท่านั้นน่ะ เรามีศีลเราไม่โกหกมดเท็จ เราไม่สิ่งต่างๆ แล้วใครจะมาโกหกมดเท็จเราล่ะ

ถ้าเราชอบอย่างนั้นเราทำอย่างนั้น มันก็เข้าสังคมอย่างนั้น ถ้าเราไม่ทำอย่างนั้นเรามีศีลของเรา ความปกติของใจเราฝึกหัดของเรา เราทำสมาธิของเราเราทำความสงบระงับของเราเข้ามา ถ้าสงบระงับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อยู่โคนต้นโพธิ์นะ นี่ยังดีนะ เทวทัตขออยู่โคนไม้ๆถ้าเทวทัตขอพร ๕ ข้อนั้นถ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอนุญาตนะภิกษุนะ ต้องอยู่โคนไม้ ถ้าอยู่โคนไม้มันก็จะมาสร้างโคนไม้สร้างต้นไม้ปลอมขึ้นมาอีก นี่ไง เวลากิเลสมันดิ้นกิเลสมันพลิกมันแพลงของมันนะ กิเลสทั้งนั้น ที่มันมีปัญหาอยู่ในโลกนี้เป็นเพราะกิเลสตัณหาความทะยานอยากของคนมันล้นฝั่ง พอมันล้นฝั่งขึ้นมา

ดูสิเวลาหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านทำของท่านหลวงปู่เสาร์หลวงปู่มั่นท่านอยู่ป่าอยู่เขาของท่านพระธาตุพนมหลวงปู่เสาร์หลวงปู่มั่นเป็นคนไปพบพระธาตุพนมหลวงปู่เสาร์หลวงปู่มั่นท่านเป็นคนไปทำความสะอาดไว้แล้วท่านให้สังคมดูแลเห็นไหม ท่านไม่ติด ท่านไปเจอนะ เพราะสมัยก่อนมันเป็นป่าเป็นเขาไปทั้งนั้นน่ะ เวลาหลวงปู่เสาร์หลวงปู่มั่นท่านธุดงค์ของท่านไปที่ไหน ที่ไหนเป็นที่แรงๆอย่างถ้ำเจ้าภูข้า ดูสิ ที่มันแรงๆ ท่านก็ไปทำร้านไว้ให้เป็นที่ฝึกหัดภาวนาแล้วที่ไหนเป็นศาสนวัตถุที่ของเก่าแก่ ท่านทำความสะอาดไว้ท่านติดไหมท่านบอกอย่าหลงธาตุ ธาตุ๔ ของเราไม่ดูแล จะไปเอาธาตุข้างนอกไง นี่ไงเวลาหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านปฏิบัติของท่าน ท่านเป็นตัวอย่างของท่าน

แล้วเรามาวัดมาวากันก็อยากไปวัดประพฤติปฏิบัติ วัดที่เขามีข้อวัตรปฏิบัติ ไม่อยากไปวัดที่มีการก่อสร้าง ไม่อยากไปวัดที่ทำแต่พิธีกรรม นี่เวลาเราไปวัดไปวากันถ้าเราจะไปวัดอย่างนั้นเราต้องวัดใจของเรา หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านทำข้อวัตรประพฤติปฏิบัติขึ้นมาให้เราเข้าถึงไง เข้าถึงอะไร เข้าถึงสัจธรรมอันนั้น

คนเราถ้ามันจะเป็นคนดี คนดีพฤติกรรมมันดีจากภายนอกแล้วภายในมันก็จะดีของมันไป แล้วถ้าหัวใจมันดีขึ้นมา มันทำสิ่งต่างๆ อย่างนั้นไม่ได้ แต่ถ้าข้างในมันดิ้นรนของมันมันก็จะดิ้นรนออกมาอาศัยออกมาข้างนอกนั่นน่ะ นี่ไง เวลาหลวงปู่มั่น เวลาท่านไปอยู่ที่ไหน ท่านอยู่แต่กระต๊อบห้อมหอ เวลามีพระไปอยู่ก็มีศาลาโรงธรรม แล้วท่านก็กั้นห้องอยู่ๆ

เวลาครูบาอาจารย์ท่านออดท่านอ้อนนะ ขออนุญาตสร้างกุฏิให้หลวงปู่มั่นหลังหนึ่งกว่าจะได้ท่านบอกมันพอดีอยู่แล้วมันพอดีอยู่แล้ว นี่ไง คนมีธรรม อยู่กระต๊อบห้อมหอ อยู่อะไรที่พอบังแดดบังฝนเท่านั้นน่ะไม่มีสิ่งใดมาเป็นวิจิตรพิสดารทั้งนั้นน่ะ เพราะวิจิตรพิสดารใครก็ทำได้ไงถ้าวิจิตรพิสดาร ทางโลกเขาทำได้มหัศจรรย์กว่า สิ่งมหัศจรรย์ของโลกเขาทำ แล้วสิ่งมหัศจรรย์ทางศาสนาก็มี แต่ความมหัศจรรย์ของใจนี่สิสำคัญ 

วันนี้วันพระๆ ถ้าวันพระมันประเสริฐที่นี่ศาสนาไม่เคยเสื่อมๆองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านกราบธรรมๆกราบธรรมคือตรัสรู้เองโดยชอบกราบธรรมคือความชอบธรรมในหัวใจ ความชอบธรรมนะ

กาลเวลามันหมุนไป โลกมันหมุนไปร่างกายเสื่อมชราคร่ำคร่าไป แต่หัวใจมันเด่นชัดหัวใจมันผ่องแผ้วหัวใจที่มีคุณธรรม นี่พระพุทธศาสนาสอนที่นี่ ดูสิ เวลาบัวมันพ้นน้ำมันได้รับแสงแดด มันบานอยู่กลางแสงแดดนั่นน่ะ หัวใจของเราอยู่กับความทุกข์ความยากพระพุทธศาสนาพระพุทธศาสนามันอยู่ที่นี่ ไอ้นั่นมันศาสนวัตถุมันเป็นวัตถุที่ใครๆ ก็ทำได้แล้วทำได้ขึ้นมาแล้ว ใครมีอำนาจเข้าไปครอบงำไงแต่ถ้าเป็นความจริงๆเวลาใครมีอำนาจเหนือหัวใจล่ะ 

เวลาพ่อแม่นะ มีลูกมีเต้าขึ้นมา เราก็เลี้ยงดูอบรมสั่งสอนมา ลูกเต้าอย่างไรมันก็เคารพพ่อแม่มันนั่นแหละ อย่างไรๆ มันก็ยอมพ่อยอมแม่นั่นแหละแต่ในหัวใจสิ่งที่หัวใจเวลามันประพฤติปฏิบัติขึ้นมาล่ะ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสละราชวังมานะพระเจ้าสุทโธทนะมีความเจ็บซ้ำมากความเจ็บซ้ำทางโลกๆ ไงความเจ็บซ้ำเพราะอยากให้ลูกอยู่กับตนไง อยากให้ลูกเป็นจักรพรรดิไงแต่เวลาลูกมีอำนาจวาสนาบารมีมากกว่าพ่อเสียสละสิ่งนั้นไป เสียสละวัตถุที่พ่อเห็นว่าดีงามที่พ่อเห็นว่ามันจะเป็นประโยชน์ไงแต่เวลาท่านสละของท่านออกไป ท่านไปค้นคว้าของท่านนะทุกข์ยากอยู่๖ ปี เวลากลับมา เวลากลับมาเอาพ่อนะ เอาพ่อเป็นพระอรหันต์

สิ่งที่เวลาถ้าอยู่ด้วยกัน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็จะได้เป็นจักรพรรดิเวลาพ่อสิ้นชีวิตไปก็มีแต่น้ำตา มีแต่ความพิไรรำพัน มีแต่ความผูกพันเวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสละสิ่งนั้นไป ไปค้นคว้าจนได้สำเร็จเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลามาเทศนาว่าการ จะเอาพระเจ้าสุทโธทนะ พระเจ้าสุทโธทนะก็มีครอบครัว มีลูกมีหลาน ก็ปรารถนาว่าจะให้สามเณรราหุลเป็นพระจักรพรรดิต่อไป เวลานางพิมพาให้ราหุลไปขอทรัพย์สมบัติจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เวลาพระเจ้าสุทโธทนะก็อยากจะให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นจักรพรรดิเป็นผู้ที่สังคมนับหน้าถือตาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็สละละทิ้งสิ่งนั้นไปซะ ไปรื้อค้นค้นคว้าสัจจะความจริงในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเวลามาเทศนาว่าการมาอบรม จะเอาพ่อ แล้วอดีตภรรยานางพิมพาก็ให้ลูกมาขอขอทรัพย์สมบัติ ท่านก็สละทรัพย์สมบัติสิ่งนี้ไปท่านเอาทรัพย์สมบัติเอาธรรมในหัวใจอันนั้นแล้วเวลาลูกจะมาขอ ขอทรัพย์สมบัติขึ้นมาพิจารณาแล้วมันควรให้ทรัพย์สมบัติสิ่งใดกับลูกของตน ถ้าเป็นทางโลกทางโลกก็ให้อำนาจเลยให้สืบต่อราชบัลลังก์เลยท่านคิดแล้วสิ่งที่เป็นประโยชน์เป็นประโยชน์อย่างไร คิดแล้วว่า ถ้าเป็นทรัพย์สมบัติทางโลก มันก็อยู่กับโลกอย่างนั้น เวลาเสียชีวิตกันไปเวลาพลัดพรากจากกันไปก็จะมีแต่น้ำตามีแต่ความพลัดพราก มีแต่ความทุกข์ยากในใจ ถึงตัดสินใจโดยใช้สติปัญญาก็ให้บวชซะให้พระสารีบุตรบวชให้เวลาพระสารีบุตรบวชให้พระสารีบุตรก็ไปอบรมสั่งสอนจนได้เป็นสามเณรองค์แรกของศาสนาพุทธแล้วเวลาตรัสรู้ธรรมขึ้นมาได้เป็นพระอรหันต์ขึ้นมา

พระอรหันต์คือไม่ติดข้อง พระอรหันต์คือวิมุตติสุขวิหารธรรมในหัวใจ มีแต่ความสุขทั้งนั้นน่ะกษัตริย์ในสมัยพุทธกาลสละราชสมบัติมาบวชพอบวชเสร็จแล้วประพฤติปฏิบัติขึ้นมาจนถึงที่สุดแห่งทุกข์ "ที่นี่สุขหนอ ที่นี่สุขหนอ" ความสุขหนอๆ มันสุขในหัวใจเวลาสามเณรราหุลท่านเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาแล้ว มันจะมีความวิตกกังวล มีความห่วงหาอาวรณ์ มีความระลึกถึงว่าจะได้ราชบัลลังก์ไหม ไม่มีเลยเพราะมันมีวิหารธรรมมันมีวิมุตติสุขในหัวใจอันนั้น นี่ถ้าเป็นสัจธรรมๆ มันเป็นสัจธรรมอันนี้ไง ถ้าสัจธรรมอันนี้

สิ่งที่ว่าเรามีครอบมีครัว เราก็มีลูกมีหลานทั้งนั้นน่ะ เราก็อบรมสั่งสอนลูกของเราให้เป็นคนดีๆถ้าเป็นคนดีคนดีก็คนดีทางโลก แล้วมันก็อยู่ที่วุฒิภาวะของคนวุฒิภาวะของคนมันเห็นสิ่งใดเป็นที่พึ่งเป็นที่พึ่งก็เป็นชื่อเสียงเกียรติศัพท์เกียรติคุณกลัวว่าชีวิตนี้มันจะไม่มั่นคง จะทำสิ่งใดก็ความมั่นคงของชีวิตๆ ต้องมั่นคงของชีวิต จะแสวงหาสิ่งนั้นมาเพื่อความมั่นคงของชีวิต แต่ไม่ได้ดูหัวใจของตนเลยถ้าดูหัวใจของตน คนที่มีวุฒิภาวะที่ดูแลหัวใจของตนก็แสวงหาสิ่งนี้ไง

สิ่งที่เราแสวงหาทางโลกมาทุกคนก็ต้องทำงาน เพราะหน้าที่การงานเพื่อปัจจัยเครื่องอาศัย ชีวิตนี้มันต้องมีปัจจัย ๔ ถ้าขาดปัจจัย ๔มันจะดำรงชีวิตได้อย่างไร ดูสิเวลาพระบวชยังมีบริขาร ๘บริขาร ๘ ก็คือปัจจัย ๔นั่นแหละแสวงหาตามศรัทธาความเชื่อของชาวพุทธ สิ่งนั้นมันเป็นการดำรงชีพดำรงชีพไว้ทำไม ดำรงชีพไว้ประพฤติปฏิบัติไง ถ้าปฏิบัติคือปฏิบัติมีกายกับใจๆ

ดูสิเวลานั่งสมาธิภาวนาขึ้นไปธาตุขันธ์ทับจิตๆ เวลาคนภาวนาสัปหงกโงกง่วงขึ้นมาเวลาใครจะมาปฏิบัติ"มรรคผลนิพพานหยิบต้องได้เลยธรรมะเป็นธรรมชาติองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมาวางธรรมวินัยนี้ไว้เป็นสาธารณะ ถ้าใครเข้ามาแล้วหยิบฉวยจับฉวยเอาเลย"

ถ้ามันมีอำนาจวาสนาบารมีคนมันรู้จักแยกรู้จักแยะอะไรผิดอะไรถูกไง มิจฉาทิฏฐิ สัมมาทิฏฐิ ทิฏฐิความเห็นที่ผิด ความเห็นที่ถูกต้องล่ะเขาคัดเขาแยก เห็นไหมดูพระสิ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาพระธุดงค์ไปไปเจอครูบาอาจารย์ก็ไปอาศัยท่านให้อยู่ดูกันอยู่ ๗ วัน ถ้า๗ วัน นิสัยเข้ากันไม่ได้เราก็ต้องเก็บบริขารไปเพราะถ้าราตรีที่ ๗ผ่านไปแล้วถ้าอยู่จะเป็นอาบัติปาจิตตีย์เพราะว่าเป็นผู้ที่ต้องขอนิสัย ไม่ได้ขอนิสัย นี่ไงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังให้พระมีสิทธิเสรีภาพในการคัดแยกว่าอะไรดีอะไรไม่ดี ถ้าบวชเป็นพระแล้วดีหมดองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่ต้องคัดแยกมันก็ดีไปทั้งนั้น เห็นไหมมันมีดีและเลว ทุกสังคมมีคนดีและเลว

ดูสิเวลาเทวทัตมาบวชในพระพุทธศาสนา เป็นน้อง เป็นพี่เป็นน้องกันโดยสายเลือดด้วย มาบวชเป็นลูกศิษย์กับอาจารย์กันแต่ก็ยังมีสิ่งที่ปะปนเข้ามานี่ก็เหมือนกันเราจะประพฤติปฏิบัติในแนวทางต่างๆ เราก็คัดเราก็แยกของเรา เราก็ดูของเราว่าอะไรถูกอะไรผิด ถ้ามันตรงกับนิสัยนิสัยพาลมันก็ชอบของพาลๆ นิสัยบัณฑิตมันก็ชอบของบัณฑิต ถ้าบัณฑิตมันเป็นจริงหรือไม่ เพราะนิสัยก็คือนิสัย ความเป็นจริงกิเลสมันครอบงำหมดแหละถ้ามันครอบงำ นี่ไงวันพระวันพระผู้ประเสริฐประเสริฐในหัวใจของเรานี่ ถ้าหัวใจเราประเสริฐเราคัดเราแยกสิ่งใดถูกต้องดีงามหรือสิ่งใดที่มันไม่ชอบธรรม ความชอบธรรมหรือไม่ชอบธรรม เราก็ยังรู้ไม่ได้ว่ามันชอบธรรมหรือไม่ชอบธรรมไง

คนที่ประพฤติปฏิบัติ ศีลสมาธิ ปัญญาอริยสัจ สัจะเป็นสัจจะอริยสัจจะทุกข์ สมุทัยนิโรธ มรรคเวลามันจะเข้าสู่มรรคๆมันเข้าสู่อย่างไร ถ้าเข้าสู่มรรคคนไม่มีสัมมาสมาธิ ไม่มีจิตตั้งมั่น จิตที่ไม่มีกำลัง มันจะเข้าสู่มรรคได้อย่างไร

ถ้ามันเข้าสู่มรรคไม่ได้ เวลาเราแสวงหาของเรา เราก็ว่านั่นก็หยิบต้องได้ นี่ก็จับฉวยได้ธรรมะเป็นสาธารณะที่ให้เราหยิบฉวยได้ แต่คนจะหยิบฉวยได้มันก็ต้องมีอำนาจวาสนาบารมีคนที่มีอำนาจวาสนาบารมีเขาหยิบฉวยเขาหยิบฉวยทองคำ เขาหยิบฉวยเพชรนิลจินดาไง คนที่ไม่มีอำนาจวาสนาเขาก็หยิบมูตรหยิบคูถเอาไปใส่ปุ๋ยที่ไร่ของตนไงเพราะเราปลูกพืชพรรณธัญญาหารไว้เราต้องการอาหาร มันก็หยิบแต่มูตรแต่คูถ คนที่เขามีสติปัญญาของเขา เขาหยิบเพชรนิลจินดา 

นี่ก็เหมือนกันคนที่มีอำนาจวาสนา คนที่ประพฤติปฏิบัติมา คนที่มีวาสนาเขาคัดแยกได้เขามอง เขาดูรู้อะไรผิดอะไรถูกพระพุทธศาสนาสอนศีล สมาธิปัญญา ถ้าทางโลกก็ทาน ศีลภาวนา เราเสียสละทานเพื่ออะไร เราเสียสละทานก็เพื่อฝึกหัดหัวใจของเราไง หัวใจมันตระหนี่ถี่เหนียว เวลาเราแสวงหาเราทุกข์เรายากขนาดไหน เราทำหน้าที่การงานมาขนาดไหน แล้วเราจะเสียสละของเราง่ายๆอย่างไร ไอ้นี่เวลามันตระหนี่ถี่เหนียวนะ แต่เวลาความจริงๆ เขาไม่ได้เสียสละอย่างนั้น เขาอนุโมทนาทานไง เขาเห็นสิ่งใดที่เป็นคุณธรรมสิ่งใดที่เป็นความดี เราอนุโมทนาไปกับเขา จิตใจที่มันเข้ากับความดีไงจิตใจที่มันเข้ากับความเลวทราม มันก็ชอบความเลวทรามชอบการเอาชนะคะคาน ชอบการเหยียบย่ำทำลายคนนี่ว่าเป็นผู้มีอำนาจ แต่เวลาผู้ที่เป็นธรรมๆ เขาเสียสละทานของเขา เขาให้ปัญญากับเขาเพื่อประโยชน์กับเขา คนที่มีสติปัญญาเขาคัดเลือกคัดแยกของเขาไอ้นี่พูดถึงปัญหาสังคม

ปัญหาของหัวใจ จิตนี้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ชีวิตหนึ่ง ถ้าเอาซากศพที่เคยเกิดเคยตายไว้แล้ว เราจะนั่งบนกองกระดูกของตนเองเลยเราเกิดเราตายไม่มีที่สิ้นสุด การเกิดและการตายพันธุกรรมของจิตๆ เกิดภพใดชาติใด เจอหมู่คณะใด เจอคนดีคนเลวอย่างไร มันซับสมๆ ไว้ไงเวลาเราจะประพฤติปฏิบัติเข้าไปมันจะย้อนเข้าไปสู่จริตนิสัยของตนถ้าย้อนเข้าไปสู่จริตนิสัยของตน มันต้องผ่านจริตนิสัยอันนี้ มันจะเข้าไปถึงสัมมาสมาธิถ้าเข้าไปถึงสัมมาสมาธิมันจะเข้าสู่อริยสัจ เข้าสู่อริยสัจเพราะเหตุใด เข้าสู่อริยสัจเพราะจิตมันสงบจิตมีกำลังของมันแล้วมันจะเข้าไปสู่สัจจะความจริงในใจ ถ้าเข้าไปสู่สัจจะความจริงในใจ

เวลาทำความสงบของใจเข้าไปมันไม่เข้าสู่สัจจะความจริงของใจไงมันเข้าไปที่อาการของจิตไง ส้ม ส้มมันต้องมีเปลือกทุเรียน เขาทานทุเรียนเขาปอกทุเรียนแล้วไม่มีใครเคยกินเปลือกทุเรียนเลยเขาสละเปลือกทุเรียนทิ้ง แต่เปลือกทุเรียนนั้นน่ะถ้าเราไปตามไร่ตามสวนเราไปเห็นผลไม้ที่ไม่ใช่ทุเรียน เราก็ดูออก เพราะทุเรียนมันจะมีหนามของมัน

นี่ก็เหมือนกันเวลาเราจะเข้าสู่หัวใจของเรา เข้าสู่หัวใจของเรามันก็เข้าไปเจอขวากเจอหนาม เวลาเข้าไปแล้วจะไปรู้ไปเห็นสิ่งต่างๆ นั่นไม่ใช่สมาธิเลย จิตมันส่งออกๆ เวลาเราคิดอยู่นี่ทำไมเราไม่บอกว่าเป็นสมาธิล่ะ เราคิดอยู่นี่มันเสวยอารมณ์เราคิดอยู่นี่พอมันเริ่มขยับตัวขึ้นมามันไปรับรู้สิ่งต่างๆ มันก็แค่รับรู้เท่านั้นน่ะ

สัมมาสมาธิคือจิตตั้งมั่น จิตเป็นหนึ่ง ไม่พาดพิงในอารมณ์ เราพาดพิงไหมไม่พาดพิงจะรู้ได้อย่างไรที่รู้ๆ อยู่นี่ รู้อะไร เห็นอะไร ไอ้ที่รู้เห็นนั่นน่ะมันพาดพิงอารมณ์มันถึงรู้ถึงเห็น ถ้าไม่พาดพิงมันจะเห็นหรือไม่มีตา คนจะเห็นไหม ถ้าจิตมันไม่ส่งออก มันจะรู้ไหม ไม่รู้ทั้งนั้นน่ะ แล้วมันจะเข้าไปสู่ตัวจิตได้อย่างไรเข้าไปสู่จิตแล้วมันเป็นหนึ่งโดยที่ไม่พาดพิงอารมณ์ ไม่รู้ไม่เห็น แล้วมันรู้ได้อย่างไร ไม่รู้ไม่เห็นสิ่งใดๆ เลย ตัวมันเองเป็นอิสระ ไม่ต้องพาดพิง เป็นอิสระ สิ่งนี้เป็นสัมมาสมาธิ ถ้าสัมมาสมาธิฐีติจิต จิตเดิมแท้ๆ แล้วมันเกิดการทำงานอริยสัจเกิดตรงนี้ไง เวลาอริยสัจมันเกิดตรงนี้เพราะมันเห็นกาย เห็นเวทนา เห็นจิต เห็นธรรมตามเป็นจริง

เวลาปฏิบัติกันก็ปฏิบัติแนวทางสติปัฏฐาน ๔ ไอ้นั่นมันท่องจำทรงจำธรรมวินัยไว้ แล้วเป็นพุทธพจน์นะ ต้องทำตามพุทธพจน์ พุทธพจน์มันก็สร้างภาพไงกรอบ กรอบของความคิดแล้วมันก็ทำให้เป็นแบบนั้นน่ะ นั่นก็เป็นสติปัฏฐาน ๔แนวทางหนึ่ง

แต่หลวงปู่เสาร์หลวงปู่มั่นไม่สอนอย่างนั้นเพราะหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านต้องผ่านวิกฤติในใจของท่านมาก่อนเพราะคนเกิดมามีอวิชชาคือความไม่รู้ทั้งนั้น แล้วความไม่รู้ก็ผ่านสิ่งนั้นมาก็ศึกษามาทั้งนั้นน่ะ แล้วไม่มีครูบาอาจารย์ เขาทำมาทั้งนั้นน่ะ แต่เวลาทำไปแล้วด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ เวลาออกจากการภาวนามาเราภาวนามาก็หลายปีทำไมจิตมันไม่พัฒนาขึ้นทำไมมันไม่ดีขึ้นจากความเป็นมนุษย์ที่เราเคยทำมาท่านมาทบทวนๆ นี่ไงท่านถึงได้มาลาความเป็นพระโพธิสัตว์ของท่าน เวลาทำความสงบของใจเข้ามาพอใจสงบเข้าไปแล้วไปพิจารณาเห็นกายตามความเป็นจริงเพราะอะไรจิตมันไม่พาดพิงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น เป็นสัมมาสมาธิขึ้นมา

ถ้ามันรู้มันเห็นของมัน เห็นกายานุปัสสนาสติปัฏฐานตามความเป็นจริงเวลาพิจารณาแล้วออกมา อ๋อ! มันต้องอย่างนี้สิ เวลามันเป็นความจริงนะ นี่ไงธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นปัจจัตตัง สันทิฏฐิโกไง มันต้องอย่างนี้สิมันสำรอกมันคายความยึดมั่นถือมั่นมันไม่เหมือนอารมณ์เดิม

มันไม่เหมือนอารมณ์เดิมมันก็ต้องมีเหตุมีผลนะไม่ใช่เหมือนอารมณ์เดิมก็เมื่อวานกับวันนี้ไม่เหมือนอารมณ์เดิมไง ความคิดเมื่อวานก็อันหนึ่ง ความคิดวันนี้ก็ไม่เหมือนกันมันจะเหมือนอารมณ์เดิมได้อย่างไรมันไม่ใช่อารมณ์เดิมหรอก นี่ไงกิเลสตัณหามันตอกย้ำเข้าไปๆ ไง นี่ไง ปัญหาสังคมก็เป็นปัญหาสังคมปัญหาหัวใจของเราก็เป็นปัญหาหัวใจของเรา

การประพฤติปฏิบัติมันไม่ใช่ของง่ายหรอก แต่มันก็ไม่พ้นวิสัยชาวพุทธถ้ามันพ้นวิสัยชาวพุทธ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เอหิภิกขุ บวชเอง๑๒๕๐ องค์ สอนเองจนเป็นพระอรหันต์ทั้งหมด มันไม่มีสิทธิ์ได้อย่างไร มันมีสิทธิ์ เห็นไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้สั่งสอนเอง เป็นพระอรหันต์ทั้งนั้นเลย บวชเอง สอนเอง แล้วทีนี้ไม่ได้บวชแล้วสอน วางธรรมวินัยนี้ไว้ให้กับใคร ให้กับชาวพุทธเราไง แต่ชาวพุทธต้องมีอำนาจวาสนา มีบารมี มีจุดยืน ต้องคัดต้องแยก ไม่ใช่เชื่อตามๆ กันไป แล้วก็หลอกให้เขาลากเขาจูงไป มันไม่ใช่ ถ้ามันไม่ใช่ขึ้นมา

นี่พูดถึงว่ามันมีปัญหาไง มันมีปัญหาขึ้นมา สั่นสะเทือนกันไปหมด นี่ไงพระก็ไว้ใจไม่ได้ โยมก็ไว้ใจไม่ได้ไม่มีใครไว้ใจได้เลย ไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้นน่ะ ต้องไว้ใจสัจธรรมธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วเราพยายามขวนขวายกันเอาความจริงกันไง 

วันนี้วันพระวันพระด้วยแล้วมันเกิดเหตุการณ์สังคมเป็นอย่างนี้ แล้วก็บวชมาเป็นพระ แล้วพระทำกันอย่างนี้พระมันก็เหมือนกับคนน่ะ คนบวชพระ แล้วก็ไปตื่นเต้นกับสังคม แต่ลูกศิษย์หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น บวชแล้วเข้าป่าเข้าเขาบวชแล้วเข้าสู่ทางจงกรมหาที่เงื้อมผาหาที่ความสงบสงัดค้นคว้าหาหัวใจของตนค้นคว้าหาความจริงในใจดวงนี้

เวลาหลวงตาท่านบรรลุธรรมพุทธ ธรรมสงฆ์รวมลงเป็นหนึ่งในใจของท่านกราบแล้วกราบเล่ากราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยความสุขกราบด้วยเห็นความระลึกถึงบุญถึงคุณ ถึงการชี้นำ ถึงการแสวงหามาของท่านท่านทำของท่านมา 

ครูบาอาจารย์เรามีครูบาอาจารย์เราท่านทำมาเราต้องมีสติมีปัญญา แล้วพยายามรั้งไว้ อย่าให้ใจมันส่งออกอย่าให้ใจไปตามกระแสโลก ไม่ตามกระแสโลกพยายามของเราให้เข้าสู่การประพฤติปฏิบัติ ให้เข้าสู่การค้นคว้าหาหัวใจของตนเอวัง